จุดธูปไหว้พระอย่างไร…ให้ปลอดภัยต่อร่างกายจากควันธูป
จุดธูปไหว้พระอย่างไร…ให้ปลอดภัยต่อร่างกายจากควันธูป ก่อนจะเท้าความเรื่องควันธูปนั้น การทำบุญไหว้พระเป็นประเพณีชาวไทยปฏิบัติมายาวนาน โดยใช้ธูปเทียนแสดงความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรานับถือบูชา เมื่อจุดธูปมากๆ ในแต่ละครั้ง จะปล่อยควันธูปออกมา ซึ่งเกิดจากธูปที่เผาไหม้จะปล่อยฝุ่นละอองและสาร “มลพิษ” มากมาย ซึ่งสารบางชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง โดยมี 3 สารอันตรายจากธูป ในควันธูปมีสารเบนซีน (Benzene) 1, 3 บิวทาไดอีน (1, 3 Butadiene) เบนโซเอไพรีน (Benzoapyrene) จุดเด่นของ “ควันธูป” จากการไหว้พระ จะต้องระมัดระวังยังไง โดยสารในควันธูปเป็นสารก่อมะเร็งที่เกิดจากการเผาไหม้ของกาว ขี้เลื่อย และน้ำหอมในธูป สายดังกล่าวก่อมะเร็งได้หลายชนิด เช่น มะเร็งเม็ดเลือด, มะเร็งปอด, มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ในควันธูปมีสารพิษอีกมากมายหลายชนิดที่ส่งผลต่อสุขภาพ เช่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์, ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์, ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์, ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสารในควันธูปมีฤทธิ์ทำให้ระคายเคืองตา และระบบทางเดินหายใจ เช่น แสบตา น้ำตาไหล จาม ไอ หายใจลำบาก หมดสติได้เมื่อสูดดมควันธูปหรือได้รับจากการสูดดมนานๆ โดยจะต้องหลีกเลี่ยงการจุดธูปบริเวณที่อากาศไม่ถ่ายเท หรือถ่ายเท ระบายควันธูปไม่สะดวก ควรใช้ธูปสั้นแทนธูปขนาดยาว […]
คิราซากิ สถานีรถไฟผี
ญี่ปุ่นเป็นประเทศแถบเอเชียที่มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสถานที่สยองขวัญมากมาย โดยสถานีคิซารากิหรือสถานีรถไฟผีเองก็เป็นหนึ่งในเรื่องเล่าหลอนๆ ที่ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เชื่อว่ามีอยู่จริง ซึ่งหากเทียบกับเรื่องเล่าสถานที่ลึกลับมหัศจรรย์ในไทยแล้ว คิราซากิเปรียบเสมือนกเมืองลับแล ที่ใครก็ตามย่างก้าวเข้าไป จะไม่มีวันได้กลับออกมาอีกเลย ความน่ากลัวของสถานีรถไฟผีคิราซากิ จุดเริ่มต้นของตำนานสถานีรถไฟผีคิราซากินั้น มาจากเว็บบอร์ดหนึ่งของชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีหัวข้อกระทู้ว่า ให้ทุกคนมาร่วมแชร์เรื่องเล่าหลอนที่ตัวเองประสบพบเจอให้ผู้อื่นได้ฟังกัน โดยมีคอมเม้นต์หนึ่งที่ได้รับความนิยมและน่าขนลุกมาก อย่างคอมเม้นต์ที่ 98 เล่าว่า ขณะที่เขากำลังขึ้นรถไฟกลับบ้านได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น ในโบกี้มีคนเพียง 5 คน ซึ่งแต่ละคนหลับไม่ได้สติเหมือนไม่มีวิญญาณอยู่ในร่าง ปกติแล้วรถไฟจะถึงสถานีภายใน 3-5 นาที แต่เขานั่งมานานถึง 20 นาทีแล้ว ยังไม่มีวี่แววว่า รถไฟจะจอดเลย เมื่อดูสถานีที่จะไปถึงก็ขึ้นว่า สถานีคิราซากิ ซึ่งเป็นสถานีที่เขาไม่รู้จักมาก่อน มีคอมเม้นต์ตอบกลับมากมาย ให้เขาลองเดินดูรอบๆและไปถามนายสถานีดูว่า รถไฟนี้จะมุ่งหน้าไปที่ไหนกัน เจ้าของคอมเม้นต์ที่ 98 จึงเดินไปถามที่หัวรถไฟ แต่ไม่มีใครยอมเปิดประตูหรือตอบกลับมาเลย เขาจึงกลับไปนั่งรอที่เดิมจนกระทั่งรถไฟลอดผ่านอุโมงค์ ซึ่งเขาจำได้ว่า ทางที่เคยไปไม่มีอุโมงค์อยู่เลย ไม่นานรถไฟก็จอดเทียบชานชลา เหล่าคนคอมเม้นต์ก็ต่างเชียร์ให้เขาเดินลงไปดูที่ชานชลา แต่ทันทีที่เขาได้ก้าวเท้าลงจากรถไฟ ประตูรถไฟก็ปิดเองและรีบแล่นออกไปด้วยความเร็วสูง ชานชลานั้น เหมือนสถานที่รกร้างไม่ได้ใช้งานมาหลายปี เต็มไปด้วยต้นไม้เถาวัลย์เลี้ยวลด ไร้ซึ่งวี่แววของคนและสิ่งมีชีวิต เขาจึงตัดสินใจโทรหาพ่อแม่ว่า ตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ชานชาลาคิราซากิ มารับหน่อ ย แต่พ่อแม่ก็ตกใจมากเพราะชานชลาที่นี้ไม่มีอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเลย […]
Exorcism พิธีไล่ผีกับโศกนาฏกกรรมอันน่าเศร้าของ อนาลิส มิเชล
The Exorcist เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับนักปราบผี ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเรื่องราวนี้มีที่มาจากเรื่องจริงของ “อนาลิส มิเชล” หญิงสาววัย 26 ปี ซึ่งถูกผีสิงจนตายและปัจจุบันยังคงเป็นที่ถกเถียงกันว่า สาเหตุการตายของเธอนั้น เป็นเพราะพิธีไล่ผีภูตผีปีศาจ อาการทางจิตหรือทางร่างกายกันแน่ เรื่องเล่าสุดหลอนของอนาลิส มิเชลในพิธีไล่ผี อนาลิส มิเชล เกิดในปี 1952 เธออาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่ประเทศเยอรมัน ซึ่งครอบครัวของเธอนั้น เคร่งศาสนามาก จนกระทั่งเมื่อเธออายุ 26 ปี เธอก็เริ่มมีอาการแปลกประหลาดอยู่ดีๆก็วูบหมดสติ ชอบเดินใจลอย เหมือนวิญญาณไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อเป็นหนักขึ้นเรื่อยๆจนอาจเป็นอันตรายได้ พ่อแม่ของเธอจึงพาไปโรงพยาบาลและหมอได้วินิจฉัยโรคว่า เธอเป็นโรคลมชักหรือโรคลมบ้าหมูขั้นรุนแรง ซึ่งโรคนี้มีอาการข้างเคียง คือ ทำให้ประสาทหลอนและอาจสูญเสียความทรงจำได้ หมอจึงให้ยาจำนวนมากกับเธอและให้พักรักษาตัวอยู่บ้าน แต่ไม่ว่าอนาลิส มิเชลจะกินยาไปมากมายเท่าไหร่ อาการของเธอก็ไม่ดีขึ้นเลย มีแต่จะแย่ลงทุกวัน เมื่อยาเอาไม่อยู่ พ่อแม่ซึ่งเป็นคนเคร่งศาสนาจึงได้ไปขอร้องให้บาทหลวงช่วยทำพิธีไล่ผีให้ แต่บาทหลวงทุกคนก็ปฏิเสธบอกว่า ที่จริงแล้วเธอไม่ได้มีวิญญาณหรือปีศาจสิงอยู่ในร่างเลย แต่จนแล้วจนรอดพ่อแม่ของเธอก็หาบาทหลวงมาไล่ผีให้จนได้ ซึ่งบาทหลวงคนนั้น ทำการไล่ผีให้เธอถึง 67 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 10 เดือน ตกครั้งละสี่ถึง 4-6 ชั่วโมง […]
เกือกม้าเครื่องรางนำโชคอีกหนึ่งรูปแบบ
ความเชื่อในเรื่องของโชคลางมีความหลากหลาย และดูเหมือน เกือกม้า ก็จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องรางของขลังที่ต้นกำเนิดนั้นไม่ได้เป็นความเชื่อในบ้านเรา แต่ได้รับอิทธิพลมาจากต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะมาจากทางฝั่งอเมริกา ยุโรป หรือแม้แต่จีน ก็มีความเชื่อในเรื่องของเกือกม้า ซึ่งตามตำรานั้นระบุว่าเกือกม้าเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี ความร่ำรวย เสริมหน้าที่การงาน โดยส่วนใหญ่จะมีวิธีการใช้งานแตกต่างกันตามแต่ละท้องถิ่น ซึ่งหากเป็นแบบจีนก็จะนิยมนำเกือกม้ามาไว้บนโต๊ะที่ทำงาน และจะนิยมในรูปแบบของเกือกม้าโบราณ เช่นเดียวกับฝั่งตะวันตก แต่ทางฝั่งอเมริกาและยุโรปนั้นมักจะแขวนเกือกม้าเอาไว้ที่หน้าประตู เพราะเชื่อว่าจะป้องกันภยันตรายเจ้าสิ่งที่มองไม่เห็น ป้องกันปีศาจ หากคุณเคยสังเกตในภาพยนตร์จากฝั่งตะวันตกที่มาในแนวย้อนยุค ที่จับประตูหรือที่เปิดประตูหน้าบ้าน ก็จะมีลักษณะคล้ายเกือกม้า หรือทำจากเกือกม้าเลย แต่ในส่วนของการ เลือกเกือกม้าที่จะมาทำเป็นเครื่องรางนั้น ตามตำราระบุว่าจะไม่ใช้วิธีการถอดจากม้าแ ต่จะเก็บเกือกม้าจากที่หลุดจากเท้าม้า นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าจากการหลอมโลหะคือเหล็กที่ใช้ทำเกิดมานั้นจะมีตามความเชื่อของชาวจีนและชาวยุโรปอยู่แล้วก็คือธาตุเหล็กและธาตุไฟ และตะปูที่ใช้ตอกเกือกม้าก็จะมีถึง 7 ตัวซึ่งเป็นเลขนำโชคของทางฝั่งตะวันตก และสาเหตุที่นิยมเก็บเกือกม้าที่หลุดจากเท้าม้ามาเป็นเครื่องรางนั้น เป็นเพราะเกือกม้าค่อนข้างที่จะหลุดยากโดยส่วนใหญ่อายุการใช้งานเทียบเท่ากับอายุม้าเลยก็มี นั่นหมายถึง มีความแข็งแรงทนทานและปกป้องคุ้มครองเท้าของม้า นั่นจึงเป็นที่มาความเชื่อในเรื่องนี้ว่า เกือกม้าก็สามารถเป็นเครื่องรางปกป้องคุ้มครองให้กับผู้ที่มีไว้ในครอบครองได้ แต่การหาเกือกม้าที่หล่นเองก็ค่อนข้างที่จะยากในยุคปัจจุบั นจึงมีการผลิตเครื่องรางชนิดนี้ออกมาวางจำหน่าย หรือทำเครื่องประดับในลักษณะที่มีความคล้ายคลึงกับเกิดม้าก็ถือเป็นเครื่องรางของขลังได้เช่นเดียวกัน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความเชื่อในเรื่องเครื่องรางจากฝั่งตะวันตก และเป็นเรื่องเล่าขานเป็นตำนานจันทร์มานานรวมทั้งในไทยเองก็มีผู้ที่เชื่อในเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน มีการหาเกือกม้ามาเป็นของนำโชคในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นในแบบของเครื่องปรับของตกแต่งบ้าน แต่ก็อย่างที่ได้บอกไว้ว่า เกือกม้าแท้นั้นค่อนข้างที่จะหายากโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นของผลิตใหม่เลียนแบบมากกว่า แต่ก็ถือว่าขึ้นอยู่กับความเชื่อและความศรัทธาของแต่ละคนที่มีให้กับเรื่องเครื่องรางของขลังชนิดนี้ #ของขลังไทย #ของขลังโบราณ #เกือกม้าเครื่องรางนำโชค
เครื่องรางอินเดียแดงนิยมกันแบบไหน
ในเรื่องของความเชื่อเรื่องโชคลางในต่างประเทศนั้น ความเชื่อในแบบอินเดียนแดง ก็เป็นที่นิยมในบ้านเราควรขึ้นมาหลายแบบที่หลายคนอาจจะคุ้นเคย ซึ่งมีอะไรบ้างนั้นวันนี้เรามีนำมาเสนอให้ได้รู้จักกันและแต่ละแบบนั้นมีความเชื่อด้านใดกันบ้าง เริ่มจาก Dreamcatcher หรือ ตาข่ายดักฝัน คือเครื่องรางอินเดียแดง ที่นิยมกันทั่วโลกตามความเชื่อนั้นเป็นการช่วยป้องกันฝันร้ายป้องกันภูตผีปีศาจ ป้องกันความทุกข์ และฝันร้าย หรือ วิญญาณ จะมาหลอกมาหลอนในฝันโดยลักษณะของ Dreamcatcher ก็จะเป็นลักษณะวงกลม ที่มีตาข่ายและมีขนนกห้อยอยู่ด้านล่าง ซึ่งความหมายของสิ่งที่อยู่บนเครื่องรางนั้น จะมีความเชื่อแยกย่อยกันออกไปเช่น ตาข่าย จะเปรียบเสมือนใยแมงมุม เป็นการใช้ธรรมชาติบำบัดตามความเชื่อและใช้ดักฝันร้ายโดยส่วนใหญ่จะแขวนไว้ที่หน้าต่างหรือหัวนอน ลูกปัด ที่เป็นสิ่งประกอบตกแต่งตาข่ายดักฝัน นั้นจะทำหน้าที่ป้องกันและปัดเป่าพลังงานที่ไม่ดี ขนนก ที่อยู่ด้านล่างของเครื่องรางจะให้พลังงานในเรื่องของการปกป้อง คุ้มครอง และพัดเอาพลังงานด้านดีเข้ามา นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับ Dreamcatcher ตาข่ายดักฝันซึ่งถือว่าเป็นเครื่องรางของอินเดีย ที่มีอิทธิพลกับผู้คนทั่วโลกและมีความสวยงาม นอกจากจะนำมาเป็นเครื่องรางแขวนตามบ้านแล้ว ยังมีการดีไซน์และพัฒนารูปแบบมาเป็นเครื่องประดับไม่ว่าจะเป็นจี้เงิน ต่างหู หรือของประดับในลักษณะต่างๆ ทำไม dreamcatcher ถึงนิยมกันไปทั่วโลก สาเหตุที่นิยมกันไปทั่วโลกนั้นก็คงจะมาจากรูปลักษณ์ของเครื่องรางชนิดนี้ ที่มีความสวยงามสามารถประดิษฐ์ในลักษณะของงาน handmade ได้และมีความหมายที่ ดีจึงทำให้ผู้คนทั่วโลกค่อนข้างที่จะให้ความเชื่อถือให้ความสนใจเครื่องรางชนิดนี้แล้วถูกต่อยอดพัฒนา มาเป็นงานแฟชั่นได้อีกหลายลักษณะต้นต้องบอกเลยว่าเป็นเครื่องรางที่แตกต่างจากเครื่องรางในบ้านเราพอสมควร เพราะไม่จำเป็นที่จะต้องมีการลงคาถาหรือสวดคาถาใดๆ และ dreamcatcher ออกแบบได้หลากหลายเพียงแค่ยึดลักษณะดั้งเดิมใส่วัสดุประกอบให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นตาข่าย ขนนก หรือขนไก่ และลูกปัด […]
9 สถานที่ไหว้ขอพรพระ สักการบูชา อิ่มบุญอิ่มใจประจำภาคใต้
เมืองไทย เมืองศาสนาพุทธ ศาสนาประจำชาติ ประจำเมืองไทย ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นวัดวาอาราม สถานที่ปฏิบัติทางศาสนาพุทธอยู่มากมายหลายแห่งในเมืองไทย แต่ละแห่งมีรูปแบบการสร้าง ความสวยงามทั้งประติมากรรม สถาปัตยกรรม และจิตรกรรม สวยงามกันคนละแบบ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่นอกจากจะสร้างความศรัทธา เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแล้ว ยังเป็นสถานที่น่าท่องเที่ยวในอีกรูปแบบหนึ่งได้ดีอีกด้วย ความงามนี้ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวในประเทศไทยรวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแม้จะไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ ก็สามารถเข้ามาชมความสวยงามในแบบไทยๆ ได้เช่นกัน ส่วนใครสายบุญเดินทางมาเพื่อไหว้ขอพรพระแล้วก็อิ่มทั้งบุญ อิ่มทั้งใจ ศิลปะภายในวัดสามารถจรรโลงใจได้ดี ในทุกภาคของเมืองไทยล้วนมีวัดสวยงามอยู่หลายแห่ง แต่ในวันนี้เรารวบรวม 9 วัดดัง วัดสวยที่ขึ้นชื่อมากในภาคใต้ของไทยมาให้ทุกคนได้สัมผัสความสวยงามไปพร้อมกับตามไปทำบุญไหว้พระได้กุศล ในวัดแต่ละแห่ง จะมีวัดที่ใดบ้าง ตามไปดูกันเลย มัดรวม 9 วัดดัง วัดสวยประจำภาคใต้ ตามไปไหว้ขอพรพระ พร้อมชมศิลปะที่สวยงามกัน วัดมหาธาตุวรมหาวิหาร เรียกอีกชื่อว่า วัดพระธาตุ วัดในจ.นครศรีธรรมราช เป็นวัดที่มีพระธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เป็นวัดและสัญลักษณ์ประจำจังหวัดของนครศรีธรรมราช วัดพระมหาเจดีย์ไตรภพไตรมงคล ตั้งอยู่ในอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รู้จักกันในชื่อว่า วัดสแตนเลส มีพระพุทธรูปประจำวัดหล่อสร้างขึ้นด้วยสแตนเลส เป็นไฮไลท์ของที่นี่ วัดแหลมสอ วัดตั้งอยู่ริมทะเลในเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เจดีย์สีเหลืองทอง ศิลปะสมัยศรีวิชัย ตั้งตระหง่านริมทะเลอย่างเด่นชัด วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร […]
ถามตัวคุณเองพร้อมแค่ไหนกับการมีของขลังไว้เสริมดวงเสริมโชคลาภ
หากคิดจะบูชาของขลังเสริมดวงเสริมโชคลาภควร จะสำรวจความพร้อมของตัวเองก่อนและควรจะปฏิบัติตัวแบบไหนวันนี้เราก็มีคำแนะนำมาฝากกันที่ต้องบอกแบบนี้ เพราะผู้ที่มีความรู้และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของของขลังของเสริมดวงต่างๆ ให้คำแนะนำไว้น่าสนใจว่า ในการที่จะหาของขลังหรือของเสริมดวงในแบบต่างๆนั้น ก่อนอื่นเลยจะต้องมีความเชื่อมีความศรัทธาในสิ่งนั้น หากไม่เชื่อไม่ศรัทธาการได้มาหรือการเช่ามาบูชาก็จะไม่บังเกิดผล นอกจากจะมีความเชื่อแล้วจะต้องมีการปฏิบัติที่ถูกต้องคำว่าปฏิบัติที่ถูกต้องนั้น หมายถึงการดูแลของขลังที่อยู่ในครอบครองการประพฤติตัวให้อยู่ในศีลในธรร มการปฏิบัติดี การหมั่นทำบุญทำทานหรือเจริญศีลภาวนาต่างๆบอกได้เลยว่าการได้มาซึ่งของขลังในรูปแบบต่างๆ จะต้องมีสิ่งเหล่านี้ประกอบการจริงๆมีแค่ความเชื่ออย่างเดียวไม่ได้จะต้องรู้วิธีการปฏิบัติการดูแลไม่ว่าจะเป็นของขลังในรูปแบบของเครื่องประดับรูปปั้นหรืออื่นๆ รวมทั้งที่มาของของขลังแต่ละชนิดด้วยเพราะในบ้านเราของคลังมีหลากหลายรูปแบบมีทั้งด้านพุทธคุณหรือไสยศาสตร์ในแบบต่างๆและยังมีความเชื่อกันอีกว่าที่มาของของขลังนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมีที่มาที่ลึกลับน่ากลัวหากไม่มีวิชาไม่มีคาถาอาคมก็จะไม่สามารถควบคุมพลังฟ้องของขลังนั้นได้หรือหากเป็นของขลังในสายพุทธคุณก็จะต้องมีการดูแลการปฏิบัติอย่างถูกต้องเหมือนที่เราได้เกินเอาไว้ หรือแม้แต่เครื่องประดับที่สร้างจากอัญมณีหินสีหรือวัตถุธาตุที่เป็นมงคลต่างๆก็จะต้องมีการดูแลที่ถูกต้องด้วยเช่นเดียวกันตามความเชื่อจากผู้สร้างหรือจากตำราที่มีเกี่ยวกับสิ่งของสิ่งนั้นบอกได้เลยว่าการจะมีของขังไว้ในครอบครอง และให้ผลดีให้โชคให้ลาภจริงๆก็ควรจะศึกษาที่มาที่ไปเนื้ออย่างที่ผู้รู้ได้แนะนำกันไว้และจะต้องปฏิบัติตามตำราตามความเชื่อทุกขั้นตอน เพื่อให้เกิดคุณมากกว่าเกิดโทษแต่เรื่องราวทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนเชื่อมากน้อยขนาดไหน บางคนอาจจะมองเป็นแค่เครื่องประดับหรือมองว่าเป็นความเชื่อที่โบราณและสมัยแต่สำหรับผู้ที่มีความเชื่อทางด้านนี้และประสบเหตุการณ์เหนือธรรมชาติมาด้วยตัวเองหรือประสบผลสำเร็จในเรื่องของโชคลาภการค้าขาย จากการมีของขลังของมงคลไว้บูชาก็จะมีความเชื่อและจะปฏิบัติการตามตำรา ก็ถือว่าเป็นเรื่องของนานาจิตตังสำหรับเรื่องราวของของขลัง แต่ที่เรานำเสนอในแง่มุมนี้เพราะอยากสร้างความเข้าใจและอยากจะบอกให้ทราบกันไว้ก่อนว่า หากคิดจะมีของขลังไว้เสริมความมั่นใจเสริมดวงเรียกทรัพย์แล้วควรจะปฏิบัติตัวอย่างไหนและควรจะดูแลของชิ้นนั้นแบบใดบ้าง #ของขลังไทย #ของขลังโบราณ #ของขลังไว้เสริมดวงเสริมโชคลาภ
บูชากุมารทองให้โชคลาภเสริมความร่ำรวยจริงหรือไม่
ในเรื่องของความเชื่อและของขลังที่เป็นวัตถุขนาดใหญ่ ที่อยู่คู่กับความเชื่อของคนไทยมานาน ก็จะมีหลายชนิดหลายแบบ และกุมารทองก็คือหนึ่งในความเชื่อได้ของขลัง ที่ให้คุณเกี่ยวกับโชคลาภหรือแม้แต่การป้องกันภัยบริษัทนิยมในลักษณะของรูปปั้นเด็ก ในอิริยาบถต่างๆ และมักจะตั้งไว้ในบ้านหรือร้านค้าเพื่อสร้างกำลังใจในเรื่องโชคลาภและความคุ้มครอง ซึ่งเรื่องราวเรื่องเล่าของกุมารทองนั้นก็มีหลายตำรา ขึ้นอยู่กับความเชื่อในแต่ละท้องถิ่น แต่โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเน้นในเรื่องโชคลาภและจะต้องมีการบูชาอย่างถูกต้องหรือการหารูปปั้นกุมารทองก็จะนิยมกุมารทองที่สร้างจากวัดดัง หรือใช้มวลสารที่มีอำนาจทางพุทธคุณเพื่อเสริมวาสนาโชคลาภให้กับผู้ที่บูชาและต้องดูแลอย่างถูกต้องรวมทั้งที่มาที่ไปของกุมารทองนั้น จะมีทั้งสายดำและสายขาวตามความเชื่อในเรื่องของไสยศาสตร์แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะนิยมสายขาวกันมากกว่าเพราะใช้วัตถุธาตุที่มีความเป็นมงคลหรือปั้นจากดินปูนหรือแกะจากไม้ แล้วนำมาปลุกเสกผ่านพิธีอย่างถูกต้องก็จะนำความโชคดีและให้คุณมากกว่าให้โทษ แต่ในส่วนของกุมารสายดำนั้นตามความเชื่อหรือเรื่องเล่าจะใช้ธาตุที่มาจากแหล่งที่ไม่ดีเช่นดินจากป่าช้าหรือมีการปลุกเสกการลงคาถาอาคมแบบการสะกดวิญญาณก็จะให้โทษกับผู้ที่ครอบครองได้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวความเชื่อเกี่ยวกับกุมารทองในบ้านเรา แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยความเชื่อในเรื่องนี้ก็ไม่เคยจางหายไป และหลายคนที่ประสบความโชคดีความสำเร็จหรือการค้าขายเจริญรุ่งเรืองต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นเพราะมีกุมารทองที่นำโชคลาภมาให้เรียกลูกค้าเข้าร้านแต่ก็อย่างที่เคยบอกกันเสมอว่าหากมีความเชื่อ เกี่ยวกับของขลังความเชื่อในเรื่องของกุมารทองแล้วการดูแลอย่างสม่ำเสมอจะต้องปฏิบัติเป็นประจำ และต้องไม่ใช้ในทางที่ผิดรวมทั้งต้องประพฤติดีอยู่ในศีลในธรรมมีความซื่อสัตย์สุจริตถึงจะประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นการขอโชคลาภหรือความรุ่งเรืองในอาชีพการงานหรือการค้า ก็ต้องศึกษาและจะต้องรู้ที่มาที่ไปของกุมารทองแ ละรวมถึงการปฏิบัติอย่างถูกต้องเพื่อให้กุมารทองนำโชคลาภมาสู่ผู้ที่ครอบครองและการดูแลอย่างถูกต้องก็จะทำให้คุณมากกว่าให้โทษ ก็เรียกได้ว่าการจะมีกุมารทองไว้ในครอบครองสักองค์หนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปเดินหาซื้อที่ไหนกันก็ได้แต่ต้องศึกษาหาข้อมูลกันในระดับหนึ่งเลยทีเดียว #ของขลังไทย #ของขลังโบราณ #บูชากุมารทอง
ยันต์ไวกิ้งอีกหนึ่งเรื่องราวความเชื่อของขลังจากฝั่งสแกนดิเนเวีย
ยันต์ไวกิ้งเครื่องรางที่ถูกส่งต่อและเล่าขานกันมานานในแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งยันต์ไวกิ้งนั้นก็มีลักษณะเริ่มต้นมาจากอักษรรูน ที่นำมาผูกเข้าด้วยกันสร้างเป็นยันต์ในแบบต่างๆรวมทั้งยังใช้สัญลักษณ์ตามตำนานของไวกิ้งเข้ามาผสมผสานด้วย ซึ่งเรื่องราวของยันต์ไวกิ้งนั้นในบ้านเราอาจจะไม่นิยมกันสักเท่าไหร่ ผิดกับในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย จะยังให้ความเชื่อในเรื่องนี้อยู่พอสมควร และในฝั่งยุโรปเองก็ยังนิยมในเรื่องของยันต์ไวกิ้งอยู่บ้าง และถือเป็นเครื่องรางโบราณ ซึ่งยันต์ไวกิ้งหลายรูปแบบ มีการผสมผสานในแบบที่เราได้เกริ่นไว้ในเบื้องต้น จะมีการใช้สัญลักษณ์ในแบบต่างๆ ซึ่งในทางความเชื่อนั้นยันต์ไวกิ้งจะเป็นการปกป้องคุ้มครอง และ นำทาง เสริมความมั่นใจ เสริมพลังอย่างเช่น ยันต์ไวกิ้ง ที่มีลักษณะของพระอาทิตย์หรือจะเรียกกันว่า เอจิสชัลเมอร์ (Aegishjalmur) ที่หมายถึงการคุ้มครองการป้องกันภัยและเป็นสัญลักษณ์ของมหาเทพเฟรย์ และในบางตำรายังระบุอีกว่าสามารถช่วยขจัดความมืดมิดในจิตใจได้ด้วย เพราะเป็นยันต์ที่สร้างจากลักษณะแสงสว่างของดวงอาทิตย์ และอีกหนึ่งอย่างที่เคยเป็นที่ฮือฮาเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาจากการที่ เอเดียน นายด่านของหงส์แดงลิเวอร์พูล สวมถุงมือที่มีรูปของยันต์ไวกิ้งในการลงสนามทุกครั้ง โดยจะเป็นลักษณะของยันต์ เวกวีเซียร์ (Vegvisir) หรือจะเรียกกันว่ายันต์เข็มทิศ ซึ่งจะมีความหมายว่าแคล้วคลาดปลอดภัย เพราะในสมัยโบราณชาวเรือและชาวไวกิ้งในแถบยุโรปจะนิยมพกเป็นเครื่องรางเพื่อสร้างกำลังใจ ความอดทน คุ้มครองวิญญาณจากสิ่งชั่วร้าย นี่ก็เป็นเรื่องราวความเชื่อของยันต์จากต่างประเทศที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ายันต์ไทย และยังมีเครื่องรางของขลังของเหล่าไวกิ้งหรือความเชื่อจากแถบสแกนดิเนเวีย ที่ขยายออกไปทั่วยุโรปและในเอเชียเรียกได้ว่าหากศึกษากันจริงๆแล้วน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าเครื่องรางของไทยเลยทีเดียว เพราะมีตำนานมีเรื่องเล่าและการใช้ภาษาโบราณที่ดูจะมีความน่าเชื่อถือมีความขลังมาเป็นส่วนประกอบ ก็ทำให้ดูมีความขลังไม่แตกต่างจากเครื่องรางของขลังหรือยันต์จากประเทศอื่นๆและในตำรายังระบุอีกว่าการใช้เครื่องรางของไวกิ้งนั้น หากจะให้พลังงานและให้คุณจริงๆก็จะต้องสวมใส่กันอย่างเปิดเผยเช่นหากใส่ในลักษณะของสร้อยคอและจี้ ก็จะต้องห้อยอยู่ด้านนอกเสื้อ เพื่อให้รับพลังงานผิดกับเครื่องรางของขลังของไทยซึ่งส่วนใหญ่จะเก็บกันมิดชิดในร่ม เช่นการสวมสร้อยพระก็มักจะนำพระใส่ไว้ด้านในเสื้อเพราะบางคนสวมใส่พระเครื่องที่มีมูลค่ามีราคาสูงหรือเป็นของหายากก็มักจะกลัวว่าจะโดนขโมยและมักจะเก็บกันไว้จนกลายเป็นของสะสมมากกว่าที่จะเป็นเครื่องรางของขลังกันจริงๆ #ยันต์ไวกิ้ง #ของขลังไทย #ของขลังโบราณ
เครื่องราง ตะกรุดเรียกเงิน เรียกทรัพย์ จากพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง
เศรษฐกิจแบบนี้พกเครื่องรางของขลังไว้ก็ไม่เสียหาย เพราะเครื่องรางแต่ละชิ้นก็ช่วยเสริมดวงในแต่ละด้านที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการเงิน การงาน ความรัก และยังส่งเสริมให้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้าตัวเอง เช่นเครื่องรายชนิดนี้เลย กำลังได้รับความนิยมมาก เพราะเป็นเครื่องรางที่ช่วยเสริมด้านการเงินโดยเฉพาะ เครื่องรางตะกรุดเรียกเงิน เรียกทรัพย์ จากพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ตะกรุดเรียกเงิน เรียกทรัพย์ จากหลวงปู่ลอง ตะกรุดเรียกเงิน เรียกทรัพย์ หลวงปู่ลอง สิริธโร พระเกจิอาจารย์แห่งวัดวิเวกวายุพัด ต.หนองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้สร้าง ตะกรุดจับเงินล้าน ตะกรุดเรียกเงิน เรียกทรัพย์ ก็เป็นหนึ่ง ในนั้น ประลอง วรรณสว่าง เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 11 ก.ย. 2474 ปีมะแม ที่บ้านบางปะกอก ต.บางปะกอก อ.ราษฎร์บูรณะ จ.ธนบุรี ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา แต่ค่อนข้างมีฐานะดีและมีความผูกพันกับพระพุทธศาสนา เนื่องจากปู่ของท่าน คือ หลวงปู่พริ้ง อินทโชติ วัดบางปะกอก พระเกจิชื่อดังยุคอินโดจีน เอ็นดูเป็นพิเศษ จึงบวชเณรให้ตั้งแต่วัยเด็ก ได้รับการปลูกฝังให้อยู่ในร่มธรรม มีโอกาสได้ฟังธรรมและศึกษาเล่าเรียนทั้งภาษาไทย-บาลี […]