ตำนาน Lemp Mansion โรงแรมหลอนที่แพ็คคู่มาพร้อมกับประวัติศาสตร์การนองเลือด 

ตำนาน Lemp Mansion โรงแรมหลอนที่แพ็คคู่มาพร้อมกับประวัติศาสตร์การนองเลือด 

    คุณกล้าหรือป่าวหากถูกท้าให้ไปเข้าพักที่รงแรมแห่งหนึ่งที่มีคุณภาพระดับ5ดาว แต่โรงแรมแห่งนั้นเคยเกิดเหตุการณ์นองเลือดสุดสยองขึ้นมากมาย ใช่แล้ว โรงแรมที่พูดถึงอยู่นี้คือโรงแรม Lemp Mansion โรงแรมที่ตั้งอยู่ในเมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี่ ประทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเคยเป็นบ้านที่มีขนาดถึง 33 ห้อง แต่ในปัจจุบันได้เปิดให้เป็นโรงแรมและร้านอาหาร ภายใต้ชื่อ Lemp Mansion  ตำนานการนองเลือดปริศนาของโรมแรม Lemp Mansion     Lemp Mansion เป็นโรมแรมที่ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1860 โดยวิลเลี่ยม เลมป์ ซึ่งในอดีตนั้นเขาคือเจ้าของโรงเบียร์ที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเขาไม่ได้ตั้งใจจะสร้างให้สถานที่แห่งนี้เป็นโรงแรม แต่มันคือบ้านที่เขาจะได้อาศัยอยู่อย่างสงบสุขกับครอบครัวของเขา แต่สุดท้ายบ้านหลังนี้ก็เป็นสถานที่ที่ตระกูลแห่งนี้ต้องจบชีวิตลงด้วยการนองเลือดที่ยังไม่สามารถหาต้นสายปลายเหตุได้       ในปี 1904 วิลเลี่ยม เจ้าของบ้านหลังนี้ได้จบชีวิตของตัวเองในห้องนอนของตน หลังจากนั้น ลูกชายคนสุดท้องได้เสียชีวิตลงก่อนวัยอันควร และคุณนายเลมป์ก็ต้องตายด้วยโรคมะเร็ง และหลังจากนั้นในปี1922 วิลเลี่ยม เลมป์ จูเนียร์ ได้ฆ่าตัวตายในห้องเดียวกับที่พ่อฆ่าตัวตายโดยที่ไม่มีใครทราบสาเหตุ จนกระทั่งในปี1946 ลูกชายคนที่3 ของตระกูลเลมป์ ได้ใช้อาวุธปืนลั่นไกใส่สุนัขของเขา และใช้มันจบชีวิตของตัวเองในห้องนอน และในปีเดียวกันนั้น บ้านหลังนี้ก็ถูกขายและกลายเป็นบ้านพักแบ่งเช่า       หลังจากที่บ้านหลังนี้ถูกขายไปและได้รับการซื้อจนกลายเป็นบ้านเช่าที่ปล่อยห้องพัก ก็มีผู้ที่มาอาศัยอยู่หลายต่อหลายคนอ้างว่า ระหว่างที่พักอยู่ที่แห่งนี้จะรู้สึกแสบี้อนตามร่างกาย และในขณะที่พวกเขาอาศัยอยู่ ประตูของบ้านก็มักจะเปิดและกระแทกเสียงดังในขณะที่พวกเขาหลับอยู่       ต่อมา บ้านหลังนี้ได้รับการซ่อมแซมบางส่วนและดัดแปลงเป็นโรงแรมและร้านอาหารโดยใช้ชื่อว่า […]

เจาะลึกตำนาน ปีศาจเจ้าสาวฟันดำไร้หน้าสุดหลอน โอฮาคุโระ เบซึตาริ ( ohaguro bettari )

เจาะลึกตำนาน ปีศาจเจ้าสาวฟันดำไร้หน้าสุดหลอน โอฮาคุโระ เบซึตาริ ( ohaguro bettari )

     ในสมัยญี่ปุ่นโบราณ ในพิธีแต่งงาน เจ้าสาวจะต้องทาฟันของตัวเองให้กลายเป็นสีดำสนิท โดยจะต้องแสยะยิ้มในงานตลอดเวลา แต่ก็เชื่อว่ามีตำนานหนึ่งที่กล่าวถึงวิญญาณของเจ้าสาวที่ต้องตายด้วยความแค้นและความเศร้าโศกที่เผาไหม้อยู่ในจิตใจอย่างเต็มอก เพราะถูกเจ้าบ่าวทิ้งเขาไปในงานแต่งงาน จนทำให้เธอต้องตรอมใจตายตั้งแต่คืนนั้น จึงกลายเป็นตำนานของ ปีศาจสาวฟันดำ โอฮาคุโระ เบซึตาริ  ตำนานของเจ้าสาวผู้น่าสงสาร ปีศาจสาวฟันดำ โอฮาคุโระ เบซึตาริ       ปีศาจสาวฟันดำ โอฮาคุโระ เบซึตาริ เป็นตำนานที่กล่าวถึง หญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังจะแต่งงานกับชายที่เธอหลงรักมานานแสนนาน ในวันแต่งงานเธอได้ทาฟันของเธอให้กลายเป็นสีดำตามประเพณีของญี่ปุ่นที่สืบทอดกันมา    และเมื่อเริ่มพิธี ฝ่ายเจ้าบ่าวได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ผู้คนที่เข้าร่วมภายในงานได้พากันออกตามหาเจ้าบ่าว แต่ไม่ว่าจะออกตามหาที่ใดก็ไม่อาจพบตัวของเจ้าบ่าวเลย ทำให้ทุกคนได้คิดไปในทางเดียวกันว่า ตัวเจ้าบ่าวนั้นอาจจะหนีไปเพราะไม่ได้อยากแต่งงานจริงๆ และถึงแม้วันนั้นจะยังไม่พบตัวของเจ้าบ่าว แต่ฝ่ายเจ้าสาวนั้นก็ยังคงอยู่ในชุดของเจ้าสาวเพื่อรอเจ้าบ่าวที่เธอต้องการแต่งงานด้วย      เมื่อเวลาผ่านไป2-3วัน ก็ได้พบว่า ฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นได้หนีไปอยู่ที่บ้านของคนรักของเขา ซึ่งเขาก็ได้สารภาพว่าตนมีคนรักและครอบครัวอยู่แล้ว เมื่อความจริงนี้ไปถึงหูของเจ้าสาว เธอก็โศกเศร้าเสียใจมาก และยังกล่าวสาปแช่งชายผู้ที่เธอตกหลุมรักมาทั้งชีวิต จนเธอต้องตรอมใจตายไปในที่สุด      ด้วยความแค้นที่ล้นอยู่ในจิตใจ จึงทำให้วิญญาณของเธอกลับมากลายเป็น ปีศาจสาวฟันดำ โอฮาคุโระ เบซึตาริ โดยรูปร่างของเธอจะเหมือนกับตอนที่เธอมีชีวิตอยู่แทบทุกอย่าง และจากนั้นเธอก็ได้ออกตามล่า อดีตเจ้าบ่าวของเธอด้วยความแค้น และสามารถฆ่าอดีตเจ้าบ่าวได้สำเร็จ      ต่อมาได้มีผู้พบเห็น ปีศาจสาวฟันดำ โอฮาคุโระ เบซึตาริ มากขึ้น โดยเชื่อว่าหากพูดกับ ปีศาจสาวฟันดำ โอฮาคุโระ […]

เจาะลึกตำนาน ปีศาจตุ๊กแกจอมเขมือบ โชเคระ ( Shokera yokai )

เจาะลึกตำนาน ปีศาจตุ๊กแกจอมเขมือบ โชเคระ ( Shokera yokai )

     ถ้าพูดถึงสิ่งที่หลายๆคนกลัว ก็คงหนีไม่พ้น ตุ๊กแก ซึ่งเป็นสิ่งที่พูดได้เต็มปาดเต็มคำเลยว่า ในโลกนี้จะต้องมีอยู่ สักประมาณ 40% ที่กลัวสัตว์ชนิดหนี ด้วยรูปร่างที่หน้ากลัวและตุ่มที่ขึ้นเต็มทั่วร่างกาย และเสียงร้องของมันที่ได้ยินทีไรก็ต้องวิ่งหนีทุกครั้ง ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กลัวไอ้ตุ๊กแกจนเข้าไส้ แทบจะพูดออกมาได้เลยว่าอยากจะให้สัตว์ชนิดนี้สูญพันธุ์  แต่ถึงอย่างนั้นตุ๊กแกก็ยังมีประโยชน์ในการไปทำยาต่างๆ โดยในวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ ปีศาจตุ๊กแกที่ได้ถูกเล่าขานไว้ว่า เป็นตุ๊กแกยักษ์ที่ชอบแอบมองและจับคนกินเป็นอาหาร โดยปีศาจตัวนี้มีชื่อว่า โชเคระ ( Shokera yokai ) ปีศาจตุ๊กแกจอมเขมือบ ตำนานปีศาจตุ๊กแกยักษ์ โชเคระ ( Shokera yokai )  รูปร่างของโชเคระ ( Shokera yokai )      โชเคระ ( Shokera yokai ) จะมีรูปร่างที่คล้ายคลึงกับตุ๊กแก โดยมีขนาดเกือบเท่ากับขนาดของมนุษย์เลยก็ว่าได้ โดยมันจะมีดวงตาที่กลมโตและเป็นสีเหลือง มีกงเล็บที่ยาวและแหลมคม ฟันของ โชเคระ ( Shokera yokai ) มีความคมและสามารถเขี้ยวร่างของเหยื่อให้ละเอียดได้โดยง่ายดาย พฤติกรรมของโชเคระ ( Shokera yokai )      โชเคระ ( […]

กำแพงเมืองจีน มรดกโลกที่แลกมากับชีวิตผู้คนนับล้าน

กำแพงเมืองจีน มรดกโลกที่แลกมากับชีวิตผู้คนนับล้าน

“กำแพงเมืองจีน” เป็นสถาปัตยกรรม มรดกโลกที่ยิ่งใหญ่ และมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลาย 1,000 ปี ความยิ่งใหญ่ของกำแพงเมืองจีนนั้น ถึงขั้นที่ว่าหากใช้กล้องดาวเทียมส่องลงมายังพื้นโลกจะมองเห็นกำแพงเมืองจีนได้ แน่นอนว่าสิ่งปลูกสร้างแสนสวยงามในยุคไร้เทคโนโลยีความเจริญก้าวหน้า ย่อมต้องแลกมากับการสูญเสียกำลังพล หยาดเหงื่อ ชีวิตของมนุษย์มากมาย สำหรับชาวจีนแล้ว กำแพงเมืองจีนจึงไม่ใช่แค่มรดกโลก แต่เป็นสิ่งที่แสดงถึงการกดขี่เพื่อนมนุษย์ เรื่องราวสุดสยองของกำแพงเมืองจีน กำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้นมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว โดยแรกเริ่มเดิมที กำแพงเมืองจีนเป็นเพียงกำแพงที่แต่ละเมืองสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้เมืองอื่นเข้ารุกราน เมื่อเวลาผ่านไปจีนรวบรวมแผ่นดินใหญ่  ฮ่องเต้แต่ละยุคสมัยจึงได้ทำการเชื่อมกำแพงเมืองจีนเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นกำแพงที่ขึ้นชื่อว่ายาวที่สุดในโลก ว่ากันว่าการเชื่อมกำแพงเมืองจีนครั้งแรกเกิดขึ้นในราชวงศ์ฉิ๋น ฮ่องเต้เชื่อมกำแพงเพื่อป้องกันชนเผ่าทาทาหรือชาวมองโก และหลังจากนั้นมาทุกราชวงศ์ก็มีการต่อเติมกำแพงเมืองจีนให้ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงราชวงศ์สุดท้ายที่ทำการก่อสร้างกำแพงเมืองจีนอย่างราชวงศ์หมิง สมัยราชวงศ์หมิง “จิ๋นซีฮ่องเต้” ได้สั่งเผาวรรณกรรมทุกอย่างเพราะไม่อยากให้ใครได้รู้ว่าประวัติศาสตร์ของจีนเริ่มต้นมานานแล้ว พระองค์ต้องการให้ประวัติศาสตร์ของจีนถูกบันทึกโดยเริ่มต้นจากราชวงศ์ของพระองค์เป็นราชวงศ์แรก สมัยนั้นจึงมีนักปราชญ์และผู้ที่ครอบครองตำรามากมายถูกสั่งประหารไปกว่า 460 คน บ้างก็นำไปเป็นแรงงานสร้างกำแพงเมืองจีน หากแรงงานแอบหลับหรืออู้งานก็จะถูกโยนไปฝังในร่องกำแพงทั้งเป็นอย่างไร้ความปราณี  เนื่องจากกำแพงเมืองจีนเป็นสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่จึงต้องใช้แรงงานคนเป็นจำนวนมาก เชื่อว่าในสมัยนั้นมีการเกณฑ์คนมาทำกำแพงเมืองจีนกว่า 4,000,000 คน ทั้งนักโทษและทาสต่างล้มตายเพราะถูกใช้งานจนหนัก บ้างก็ถูกผลักตกกำแพงเมืองจีนไปฝังทั้งเป็น จนมีคำกล่าวว่า หากถูกเกณฑ์ไปสร้างกำแพงเมืองจีนแล้วยากที่จะรอดกลับมา ไปสิบคนจะมีคนเหลือรอดเพียงแค่คนเดียว ในสมัยราชวงศ์ฮั่นเริ่มมีคนต่อต้านการสร้างกำแพงเมืองจีน เพราะเริ่มรับรู้ได้ถึงการกดขี่ที่ไม่เป็นธรรม จนถึงขั้นแต่งเพลงแต่งวรรณกรรมต่างๆมาด่ากำแพงเมืองจีนเลยทีเดียว หากรวมระยะเวลาตั้งแต่สร้างและซ่อมแซมแล้ว กำแพงเมืองจีนใช้เวลายาวนานกว่า 2,000 ปี ซึ่งใน 2,000 […]

เครื่องราง น้ำตาพระศิวะ เมล็ดพืช มงคล

เครื่องราง น้ำตาพระศิวะ เมล็ดพืช มงคล

เครื่องรางสายเทพฮินดู เป็นเครื่องรางอีกชนิดที่สายมูเตลูให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก ก็คือ น้ำตาพระศิวะ เป็นเครื่องรางที่มีคนนำมาบูชา ผ่านการออกแบบเป็นงานแฟชั่นที่ร่วมสมัย ทั้งวัยรุ่น และดาราก็ต่างพากันสนใจในเครื่องรางชนิดนี้ ทั้งยังหาเช่าบูชาได้ง่ายอีกด้วย ที่มาของเครื่องรางยอดนิยม น้ำตาพระศิวะ เมล็ดพืช มงคล เหมาะสำหรับ ทำประคำ เมล็ดรุทรักษะ หรือ น้ำตาพระศิวะ นี้ เป็นเมล็ดผลไม้ที่ทรงโปรดแห่งพระศิวะเทพ เป็นสิ่งที่นำความศักดิ์สิทธิ์ ขับไล่บาปทั้งหมดได้ด้วยการได้เห็น ได้สัมผัส และได้ท่องสวด จากหยดน้ำตาที่ไหลออกมา ได้เกิดเป็นต้นรุทรักษะขึ้น และได้ออกลูกมาเป็นจำนวนมาก ต้นรุทรักษะเหล่านี้ได้เจริญในดินแดน เกาฑะ, มธุรา, ลังกา, อโยธยา, มาลัย, ภูเขา, สหยะ, แคว้นกาศี และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ มันสามารถจะทำลายบาปให้หมดไปได้ น้ำตาพระศิวะ ไม่มีสร้อยคออื่น หรือพวงมาลัยอื่นใด ที่จะนำความเป็นศิริมงคลและให้ความสำเร็จสมประสงค์ทุกอย่าง เท่ากับการได้สวมใส่น้ำตาพระศิวะ ประชากรแห่งวรรณะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหญิงชาย ก็สามารถสวมใส่น้ำตาพระศิวะ ได้ตามบัญชาของพระศิวะเทพ คนเหล่านั้นที่ได้สวมใส่น้ำตาพระศิวะ กระทำการบูชาต่อพระศิวะและประพฤติดีตลอดชีวิต จะไม่ตกสู่นรกแห่งพระยมราชเลย ความเชื่อ และความศรัทธาในเครื่องราง น้ำตาพระศิวะ เชื่อกันว่าเมื่อพระศิวะ […]

เครื่องราง ตะกรุดเรียกเงิน เรียกทรัพย์ จากพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง

เครื่องราง ตะกรุดเรียกเงิน เรียกทรัพย์ จากพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง

เศรษฐกิจแบบนี้พกเครื่องรางของขลังไว้ก็ไม่เสียหาย เพราะเครื่องรางแต่ละชิ้นก็ช่วยเสริมดวงในแต่ละด้านที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการเงิน การงาน ความรัก และยังส่งเสริมให้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้าตัวเอง เช่นเครื่องรายชนิดนี้เลย กำลังได้รับความนิยมมาก เพราะเป็นเครื่องรางที่ช่วยเสริมด้านการเงินโดยเฉพาะ เครื่องรางตะกรุดเรียกเงิน เรียกทรัพย์ จากพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง  ตะกรุดเรียกเงิน เรียกทรัพย์  จากหลวงปู่ลอง ตะกรุดเรียกเงิน เรียกทรัพย์ หลวงปู่ลอง สิริธโร พระเกจิอาจารย์แห่งวัดวิเวกวายุพัด ต.หนองจิก อ.บางปะอิน   จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้สร้าง ตะกรุดจับเงินล้าน ตะกรุดเรียกเงิน เรียกทรัพย์ ก็เป็นหนึ่ง ในนั้น ประลอง วรรณสว่าง  เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 11 ก.ย. 2474 ปีมะแม ที่บ้านบางปะกอก ต.บางปะกอก อ.ราษฎร์บูรณะ จ.ธนบุรี ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา แต่ค่อนข้างมีฐานะดีและมีความผูกพันกับพระพุทธศาสนา เนื่องจากปู่ของท่าน คือ หลวงปู่พริ้ง อินทโชติ วัดบางปะกอก พระเกจิชื่อดังยุคอินโดจีน เอ็นดูเป็นพิเศษ จึงบวชเณรให้ตั้งแต่วัยเด็ก ได้รับการปลูกฝังให้อยู่ในร่มธรรม มีโอกาสได้ฟังธรรมและศึกษาเล่าเรียนทั้งภาษาไทย-บาลี […]

ควายธนูของขลังคู่กายของคนชอบไสยศาสตร์

ควายธนูของขลังคู่กายของคนชอบไสยศาสตร์

ตามความเชื่อทางไสยศาสตร์ของไทยที่มีมาแต่สมัยโบราณ คนที่มีความชอบและศรัทธาในไสยศาสตร์ทางด้านมืดหรือที่เราเรียกกันว่าไสยดำ มักนิยมมีเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่งซึ่งเชื่อกันว่าเป็นของขลังที่เป็นสัตว์เลี้ยงที่ใช้ในการประหัดประหารศัตรูคู่อาฆาตหรือมีไว้เพื่อเป็นบริวารในการป้องกันภัยจากศัตรูก็ได้ คนโบราณมักจะมีควายธนูและถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงทางไสยศาสตร์ที่มีความร้ายมาก ผู้รู้บางท่านกล่าวว่าควายธนูมีต้นกำเนิดมาจากชนเผ่าวูดูในทวีปแอฟริกา และเป็นเครื่องรางของขลังที่แพร่หลายออกไปหลายประเทศ ควายธนูจัดอยู่ในของขลังทางไสยศาสตร์ด้านมืด สำหรับควายธนูตามความเชื่อของคนเล่นไสยศาสตร์ในประเทศไทยน่าจะมีจุดเริ่มต้นมาจากไสยดำจากเขมรหรือประเทศกัมพูชา เช่นเดียวกับวิทยาคมทางไสยศาสตร์หลายเรื่องที่มีในบ้านเราต่างก็ได้รับอิทธิพลจากเขมร  ส่วนใหญ่คนที่เลี้ยงควายธนูถือว่ามีความศรัทธาทางไสยเวทย์ทางด้านมืดหรือที่เรียกกันว่าวิชามารโดยเลี้ยงควายธนูไว้เพื่อเพื่อเข่นฆ่าหรือทำร้ายศัตรูเป็นหลัก ซึ่งความร้ายแรงของควายธนูนั้นผู้ที่ถูกทำร้ายโดยอาถาอาคมล้วนแต่มีความลำบากในการต่อสู้ด้วย บุคคลผู้นั้นต้องใช้วิชาอาคมชั้นสูงจริงๆ จึงจะต่อกรกับควายธนูของศัตรูได้ หากมองในด้านของวัฒนธรรมทางด้านเกษตร ควายธนูคือสัตว์เลี้ยงที่เป็นที่ศรัทธาของเกษตรกรเหมือนกับเป็นหุ่นพยนต์ที่ช่วยในด้านกำลังใจและวัฒนธรรมในการทำการเกษตรต่างๆ โดยเฉพาะชาวนาที่ทำการปลูกข้าว โดยใช้ควายธนูในการเฝ้าไร่เฝ้านา, ป้องกันภูติผีปิศาจและโจร รวมทั้งเสกคาถาอาคมให้ควายธนูไปทำร้ายหรือสังหารศัตรูก็ได้ การสร้างควายธนูมีพิธีกรรมทางไสยศาสตร์หลายขั้นตอน การสร้างควายธนูขึ้นมาแต่ละตัวเป็นกระบวนการที่ต้องใช้พิธีกรรมทางไสยศาสตร์มากมาย บุคคลผู้สร้างความธนูจึงมักจะเป็นอาจารย์โบราณที่มีวิชาอาคมทางไสยศาสตร์อย่างสูง ควายธนูถูกสร้างโดยการสานด้วยไม้ไผ่หรือปั้นจากดินที่ผสมมวลสารที่ผ่านการปลุกเสก นอกจากสานและการปั้นแล้วยังมีสร้างควายธนูด้วยการหล่อโดยใช้โลหะที่มีอาถรรพ์สูง เช่น ตะปูจากโลงศพในเจ็ดป่าช้า, เหล็กขนันผีพรายหรือเหล็กจากยอดเจดีย์เป็นต้น ซึ่งเมื่อสร้างควายธนูขึ้นมาแล้วจะต้องมีการทำพิธีปลุกเสกทางไสยศาสตร์เป็นขั้นตอนที่สำคัญ เนื่องจากควายธนูเป็นเครื่องรางของขลังทางไสยศาสตร์ทางด้านมืด ผู้ที่เลี้ยงควายธนูจึงต้องมีความเชื่อและศรัทธาในวิชาทางไสยศาสตร์และมีคาถากำกับและต้องเซ่นไห้วบูชาความธนูของตนด้วยความตั้งใจและความศรัทธา เพราะหากผู้ที่ครอบครองควายธนูปล่อยปละละเลยไม่ดูแลแล้ว ควายธนูจะย้อนกลับมาทำร้ายผู้เลี้ยงหรือเจ้าของก็ได้ เรื่องของไสยศาสตร์โดยเฉพาะไสยดำนั้นเป็นความเชื่อเฉพาะบุคคล และบุคคลนั้นต้องเป็นผู้ที่ตัดสินใจแล้วที่จะเดินบนเส้นทางนี้ #ควายธนู #เกี่ยวกับเครื่องรางของขลัง #ของขลังไทย

กุมารทองเครื่องรางแห่งโชคลาภ

กุมารทองเครื่องรางแห่งโชคลาภ

กุมารทองนั้นได้รับความนิยมจากคนที่มีความศรัทธาว่าเป็นเครื่องรางที่นำโชคลาภมาให้แก่คนเลี้ยง ช่วยให้เงินทองไหลมาเทมา ช่วยในเรื่องการค้าขายให้ทำมาค้าขึ้นตลอดจนช่วยเตือนภัยและปกป้องคุ้มครองคนเลี้ยงให้แคล้วคลาดจากภัยอันตราย และช่วยเฝ้าระวังภัยจากโจรผู้ร้ายหรือสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายที่จะมาสู่บ้านเรือน กุมารทองมีลักษณะเป็นเด็กไว้ผมจุก นุ่งโจงกระเบน ตามความเชื่อทางไสยศาสตร์เปรียบเสมือนมีวิญญาณของเด็กชายสิงสถิตอยู่ในตัวกุมารทอง ในสมัยโบราณเชื่อว่ากุมารทองเป็นวิญญาณของเด็กที่ตายในท้องแม่หรือที่เรียกว่าตายทั้งกลม การทำกุมารทองจึงต้องไปแสวงหาศพเด็กจริงๆ มาโดยการประกอบพิธีผ่าท้องแม่เพื่อนำศพเด็กออกมาแล้วเอามาย่างไฟให้แห้งสนิทก่อนรุ่งเช้าแล้วลงรักปิดทองทั้งตัว กุมารทองมีวิญญาณของเด็กสิงสถิตอยู่ แต่ปัจจุบันคงเป็นการยากที่จะทำพิธีในแบบโบราณได้ จึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำโดยใช้ดินจากเจ็ดป่าช้าบ้าง ไม้จากต้นรักซ้อนหรือต้นมะยมบ้างตลอดจนกระทั่งโลหะ นำมาปั้นหรือแกะสลักเป็นรูปเด็กแล้วปลุกเสกตั้งจิต ตั้งธาตุทั้งสี่และเรียกอาการ 32 ให้เกิดเป็นจิตวิญญาณของเด็กขึ้นมา ขั้นตอนการนำกุมารทองเข้าบ้านนั้น เริ่มจากการจุดธูปขออนุญาตพระภูมิเจ้าที่โดยใช้ธูป 16 ดอก แนะนำตัวเองก่อนและขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทางและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้เปิดทางให้กุมารทองที่พามาด้วยให้เข้าออกภายในบ้านแห่งนี้ได้โดยสะดวก จากนั้นจุดธูป 5 ดอกแนะนำตัวเองกับกุมารทองและตั้งชื่อให้กุมารทอง พร้อมทั้งแนะนำคนร่วมบ้านให้กุมารทองรู้จักด้วย และขอให้กุมารทองนำโชคลาภมาให้รวมทั้งช่วยดูแลปกป้องคุ้มครองบ้านให้ด้วย การจะเลี้ยงกุมารทองให้ดีได้ต้องเป็นคนมีสัจจะ สิ่งที่สำคัญในการเลี้ยงกุมารทองให้เกิดผลดี นำโชคลาภทรัพย์สินเงินทองมาให้นั้น ก่อนอื่นท่านต้องรู้จักรักษาสัจจะให้ดี ไม่ว่าท่านจะขอให้กุมารทองช่วยเรื่องอะไรก็ตามท่านจะต้องมีสัจจะวาจา เรื่องของการรักษาสัจจะวาจานี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะถ้าผิดคำพูดหรือทำไม่ได้อย่างที่ให้สัจจะวาจาไว้อาจจะทำให้ของไม่ดีเข้าตัวเองหรือเกิดความเสื่อมในตัวเอง การจัดวางกุมารทองนั้นห้ามหันหน้ากุมารทองไปทางทิศตะวันตก หรือนำไปไว้ใต้บันไดหรือตั้งไว้ปลายเท้าและไม่ให้หันหน้ากุมารทองตรงกับประตูหน้าบ้านหรือประตูห้องน้ำ ควรสวดคาถาบูชากุมารทองอย่างสม่ำเสมอ บูชาด้วยข้าว น้ำและขนม และน้ำแดง เครื่องรางที่อยู่ในลักษณะของเด็กไม่ว่าจะเป็นกุมารทอง รักยม หรือลูกกรอกนั้นเป็นที่ศรัทธานิยมของคนไทยในการนำมาเลี้ยงและบูชาเป็นเครื่องรางมาตั้งแต่สมัยโบราณ นอกจากนี้กุมารทองก็ยังปรากฏในวรรณคดีไทยโบราณอย่างขุนช้างขุนแผนเช่นกัน #เกี่ยวกับเครื่องรางของขลัง #ของขลังไทย #กุมารทอง

Tumi เครื่องรางแห่งความโชคดีของชาวเปรู

Tumi เครื่องรางแห่งความโชคดีของชาวเปรู

ตามความเชื่อในท้องถิ่นของชาวเปรู Tumi เป็นเครื่องรางที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีที่มักถูกแขวนอยู่บนผนังบ้าน และรัฐบาลเปรูยังใช้ Tumi เป็นสัญลักษณ์ทางการของการท่องเที่ยวในประเทศอีกด้วย Tumi เป็นเครื่องมือที่ใช้ในเปรูตั้งแต่สมัยโบราณ Tumi ในภาษาของชาวเปรูเป็นคำทั่วไปที่หมายถึงเครื่องมือมีคมหลายประเภทที่ใช้ในยุคก่อนและหลังอาณานิคมของภูมิภาคเทือกเขา Andes ตอนกลาง  Tumi ถูกใช้ในวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย เช่น มีดทำครัว, เครื่องมือการเกษตร, อาวุธของนักรบหรือล่าสัตว์, มีดสังเวย, เครื่องมือช่างตัดผม, จี้ หรือเครื่องมือทางการแพทย์ นอกจากนี้ Tumi ที่เป็นโลหะยังถูกใช้เป็นเหรียญประเภทหนึ่งอีกด้วย โดย Tumi ในยุค Pre-Columbian มักทำจากโลหะหรือหิน Tumi สำหรับพิธีการชั้นสูงในวัฒนธรรมของชาวเปรูชายฝั่งทางเหนือนั้นเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางที่สุด โดยมีลักษณะเด่นด้วยใบมีดครึ่งวงกลม ทำด้วยทองสัมฤทธิ์, ทองแดง, โลหะผสมทอง, โลหะผสมเงินหรือไม้ และ Tumi มักจะถูกประดับด้วยการฝังแร่ธาตุล้ำค่า เช่น Lapis  การบูชายัญ Tumi มักเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม Inca ในภูมิภาคชายฝั่งทางเหนือของเปรู ตัวอย่างที่นิยมมากที่สุดคือ Tumi ถูกประดับบนไม้พุ่มประดับมีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของชาวเปรูหรือที่เรียกว่า Lambayeque ในตำนานของชาวอินคาเชื่อว่าพวกเขาเป็นทายาทของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ Inti ซึ่งได้รับการบูชาทุกปีด้วยการเฉลิมฉลอง Quechua […]

10 ของขลังหายากจากสัตว์ป่า 

10 ของขลังหายากจากสัตว์ป่า 

เครื่องรางของขลังในแบบของไทยมีหลากหลายรูปแบบแ ละเครื่องรางจากสัตว์ก็เป็นอีกหนึ่งเชื่อว่ามีอิทธิฤทธิ์มีพุทธคุณโดยที่ไม่ต้องปลุกเสกอะไรเลย ซึ่ง 10 เครื่องรางที่ถูกเล่าขานเป็นตำนานได้แก่ กระดูกงูเหลือม กระเบนท้องน้ำ เขี้ยวเสือกลวง เขี้ยวหมูตัน เขากวางหด งาช้างน้ำ งากำจัด ช้องหมูป่า เดือยงูเหลือม น้ำตาพะยูน นี่คือ 10 ของขลังที่ถูกกล่าวขานว่ามาจากสัตว์ และเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมี ตำนานเล่าขานในหลากหลายแง่มุม ไม่ว่าจะป้องกันคุ้มครองอันตราย ค้าขายร่ำรวยเ สริมวาสนาบารมี ซึ่งคุณเคยรู้บ้างไหมว่าตำนานเครื่องรางของขลังจากสัตว์นั้นมาจากไหน และทําไมถึงมีความเชื่อเรื่องนี้ถูกส่งต่อกันมานานนับร้อยปี ของขลังจากสัตว์ต้องได้มาโดยปราศจากการฆ่าเพื่อแย่ชิง  หากจะให้หาต้นต่อความเชื่อก็คงจะยืนยันไม่ได้จริงๆว่ามีต้นกำเนิดจากอะไรกันแน่แ ต่จากการศึกษาข้อมูลและค้นคว้าตำราต่างๆ มีแนวโน้มที่จะเป็นความเชื่อจากกลุ่มนายพราน ที่จะต้องเดินทางเข้าป่าล่าสัตว์หรือหาของป่าตั้งแต่สมัยโบราณ มักจะมีวิชาความรู้ทางด้านไสยศาสตร์ และแน่นอนว่าก็จะถูกสอนและเล่าถึงประวัติตำนานของป่าแต่ละแห่ง สัตว์ป่าแต่ละชนิด และสิ่งที่เป็นความเชื่อของกลุ่มนายพราน เหล่านี้ก็คือของขลังจากสัตว์ ที่ว่ากันว่าหาไม่ได้ง่ายๆ อาทิเช่น เขี้ยวเสือกลวง เพราะตามปกติแล้วเขี้ยวเสือจะมีลักษณะตันไม่มีความกลวง และต้องเป็นเขี้ยวเสือที่หลุดเองตามธรรมชาติ หรือจากเสือที่ตายโดยที่ไม่ได้ฆ่าเพื่อนำมา หากมีลักษณะดังกล่าวก็จะถือเป็นของขลังและมีฤทธิ์เดช มีอำนาจมาก นอกจากนี้ตามความเชื่อของพรานป่าแล้วของขลัง ที่จะได้จากสัตว์นั้นจะต้องไม่ใช่การฆ่าเพื่อให้ได้มา สัตว์ตัวนั้นจะต้องตายโดยธรรมชาติ หรืออวัยวะต่างๆเป็นของขลังนั้น หลุดออกมาเอง หากฆ่าเพื่อให้ได้มาของขลังนั้นก็จะไม่มีความขลัง และให้โทษกับผู้ที่ฆ่าสัตว์ตัวนั้น ด้วย นี่เป็นความเชื่ออีกหนึ่งเรื่องเกี่ยวกับของขลังในไทยและดูจะเป็นตำนานเล่าขานสืบต่อกันไปอีกนานแน่นอน  ตำนานก็คือตำนาน และเราอยากจะบอกคุณว่าปัจจุบันของขลังในลักษณะนี้ค่อนข้างที่จะหาได้ยากจริงๆ ส่วนใหญ่จะสืบต่อกันมาในตระกูลแบบรุ่นสู่รุ่นไม่มีการล่า […]