ใบโคลเวอร์เครื่องรางจากธรรมชาติตามความเชื่อของชาวตะวันตก

ใบโคลเวอร์เครื่องรางจากธรรมชาติตามความเชื่อของชาวตะวันตก

อีกหนึ่งเรื่องราวของเครื่องรางของขลังโดยเฉพาะในเรื่องของความโชคดี ก็คงจะเป็นเรื่องราวของใบโคลเวอร์ ซึ่งเป็นใบไม้ชนิดหนึ่ง และมีการเล่าขานตำนานว่าใบไม้ชนิดนี้สามารถนำโชคให้กับผู้ที่มีไว้ในครอบครองได้แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ เพราะตามปกติในธรรมชาติแล้วต้นใบโคลเวอร์จะมีลักษณะใบเพียงแค่ 3 แฉกเท่านั้นแต่ใบที่นิยมนำมาเป็นเครื่องรางนั้น จะมีลักษณะเป็น 4 แฉกซึ่งมีตำนานเล่าขานกันกันมาว่าใบโคลเวอร์จะทำให้โชคดีหรือพบรักแท้ และในยุคศตวรรษที่ 17 ทหารในฝั่งตะวันตกก็มักจะหาใบโคลเวอร์ 4 แฉกพกติดตัวไว้ป้องกันอันตรายในด้านต่างๆซึ่งมีการแปลความหมายของใบโคลเวอร์ทั้ง 4 แฉกเอาไว้คือ ความหวัง ( Hope ) ความเชื่อมั่นและศรัทธา ( Faith ) ความรัก ( Love ) ความโชคดี ( Luck ) นอกจากนี้ได้กำไรยังระบุว่าหากผู้ใดพบใบโคลเวอร์ 4 แฉกก็มักจะเก็บติดตัวไว้เป็นเครื่องรางไม่ว่าจะเป็นการทำเป็นใบแห้งซึ่งในสมัยก่อนยังไม่มีเทคโนโลยีอะไรก็มักจะนิยมใช้วิธีนี้แต่ต่อมาเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามีวิธีการเก็บให้คงอยู่ในสภาพสวยงามสีสดแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นการเคลือบด้วยเรซินหรือการทำเป็นดอกไม้แห้งที่ยังคงสีสันและนำมาประกอบเข้าเป็นเครื่องรางเช่น เป็นจี้ห้อยคอโดยจะมีวัสดุเป็นกรอบอีกชั้นและในปัจจุบันเองก็นิยมทำเครื่องประดับที่มีลักษณะเดียวกับใบโคลเวอร์ 4 แฉกมีทั้งเครื่องประดับเงินเครื่องประดับทองหรือแม้แต่อัญมณีแบบต่างๆนำมาประดับเพิ่มความสวยงามและเพิ่มมูลค่า  สำหรับในบ้านเรานั้นต้นโคลเวอร์ไม่มีขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ก็มีการนำเข้ามาปลูกเป็นไม้ประดับไม้ตกแต่งอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ก็ต้องลุ้นกันว่าจะสามารถหาใบโคลเวอร์ 4 แฉกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติได้หรือไม่ได้ โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มีความเชื่อทางด้านนี้ก็มักจะหาใบโคลเวอร์ 4 แฉกในรูปแบบของเครื่องประดับมากกว่า หรือเลือกรูปภาพของใบโคลเวอร์ 4 แฉกมาพกติดกระเป๋าสตางค์ หรือตั้งเป็นวอลเปเปอร์ก็นิยมไม่น้อยซึ่งส่วนใหญ่แล้วเรื่องราวของใบโคลเวอร์นั้น กระแสฮิตในบ้านเราก็จะอยู่ในกลุ่มวัยรุ่นมากกว่าวัยผู้ใหญ่หรือวัยทำงาน ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวของขลังจากต่างประเทศที่น่าสนใจ และดูเหมือนกระแสยึดของใบโคลเวอร์นั้นก็จะนิยมกันอยู่เป็นระยะตามกระแสไม่ต่างจากความนิยมในด้านอื่นๆ […]

ของมงคลเสริมดวงตามราศี ติดโต๊ะทำงาน ใครเป็นสายมู เรียกทรัพย์แบบปังๆ EP.2

ของมงคลเสริมดวงตามราศี ติดโต๊ะทำงาน ใครเป็นสายมู เรียกทรัพย์แบบปังๆ EP.2

        ในบทความที่แล้วเราพูดถึง 6 ราศีอย่าง เมษ,พฤษภ,เมถุน,กรกฏ,สิงห์,กันย์ ไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าครั้งนี้จะเป็นของอีก 6 ราศีที่เหลือ กับ ของมงคลเสริมดวงตามราศี ที่จะต้องมีติดตัว หรือ โต๊ะทำงานเอาไว้ แน่นอนว่าจะเป็นของที่เรียกความมั่นใจ เสริมความมั่นใจให้กับตัวคุณเองเป็นอย่างมาก เครื่องหมายของความโชคดีของอีกทั้ง 6 ราศี ในตอนที่ 2 นี้จะมีอะไรบ้าง? ไปดูกันเลย  ของมงคลเสริมดวง ราศี ตุลย์,พิจิก,ธนู              เริ่มกันที่ราศีตุลย์ สำหรับคนที่เกิดในราศีนี้ ให้หา ขวดโหลใส หรือ ขวดแก้ว ถ้าอยากจะเสริมดวงชะตาเพิ่มให้นำเศษเหรียญมาใส่เอาไว้ เชื่อว่าจะดึงพลังงานด้านดีเข้าตัว พร้อมทั้งช่วยเหลือด้านความรักได้อีกด้วย              สำหรับ ราศี พิจิกนั้น ที่ทับกระดาบที่เป็นแบบแก้วใส จะเป็นตัวช่วยในการเสริมดวงชะตา เพราะสาวๆราศีนี้จะมีบุคลิกที่สุดขั้ว การหาแก้วใสมาไว้นั้นจะขับไล่พลังงานลบ ยิ่งถ้าใครทำธุรกิจถ้าพกเอาไว้ก็ช่วยเรื่องการค้าขายด้วยเช่นเดียวกัน               ราศี ธนู ให้ใช้ระฆัง หรือ กระดิ่ง จะช่วยให้เรื่องของความคิด จะทำให้เสริมดวง ขับไล่พลังงานด้านลบ ช่วยให้มีสติ มีปัญญามากขึ้นด้วย  ของมงคลเสริมดวงราศี มังกร,กุมภ์,มีน,            เริ่มต้นกับ […]

ของมงคลเสริมดวงตามราศี ติดโต๊ะทำงาน ใครเป็นสายมู เรียกทรัพย์แบบปังๆ EP.1

ของมงคลเสริมดวงตามราศี ติดโต๊ะทำงาน ใครเป็นสายมู เรียกทรัพย์แบบปังๆ EP.1

             ความเชื่อของมนุษย์ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ค่อนข้างมีความอ่อนไหวเป็นอย่างมาก รวมไปถึงไม่ควรลบหลู่ความเชื่อของผู้อื่นด้วยเช่นกัน ดังนั้นแล้วถ้าเป็นเรื่องดวง ของขลัง หรือ การเสริมดวงชะตา ก็จะต้องมีสิ่งของเหล่านี้ติดโต๊ะทำงาน หรือ สถานที่ทำงานเอาไว้ เพื่อเรียกทรัพย์ กันเอาไว้บ้าง สำหรับใครที่เพิ่งจะสร้างธุรกิจ หรือ ได้ที่ทำงานใหม่ ไปเช็คกันเลยว่าเกิดราศีใด ต้องใช้ของมงคลเสริมดวงแบบไหนติดโต๊ะทำงานเพื่อเสริมบารมี  ของมงคลเสริมดวงราศี เมษ,พฤษภ,เมถุน             เริ่มต้นกันกับของ ราศี เมษ อันที่จริงแล้วควรหาน้ำพุเล็ก ๆเอาไว้ทีโต๊ะทำงาน หรือ ห้องทำงาน แต่ทว่าควาไม่สะดวก ก็ใช้ แก้วน้ำ เป็นแก้วใส หรือ แก้วเซรามิค ก็ได้เช่นเดียวกัน เพราะจะช่วยเรื่องเสริมดวงชะตา ให้กับคนเกิด ราศี เมษ ด้วยเช่นกัน             สำหรับราศี พฤษภ นั้น จะมีของมงคลเสริมดวง หรือ เสริมมงคล ตัวอย่างเช่น ตุ๊กตาเต่าหินสลัก หรือ หล่อโลหะ เต่าหัวมังกร ถ้าหากว่าพกติดตัว หรือ ติดโต๊ะทำงานเอาไว้จะช่วยเสริมเรื่องการเงินได้อย่างดี             ผู้ที่เกิดในราศี เมถุนนั้น จะใช้ของมงคลเสริมดวงก็คือ หินเสริมดวงประเภทมุกดาหาร […]

อความารีน หินแห่งความยุติธรรม

อความารีน หินแห่งความยุติธรรม

อความารีน เป็นหนึ่งในชนิดของอัญมณีสีฟ้าในตระกูลเบอริล สีอื่น ๆ ในอัญมณีตระกูลนี้ ได้แก่ สีเขียวเป็น มรกต สีเหลืองเป็น เฮลิโอดอร์ สีชมพูเป็น มอร์แกไนต์ สีแดงเป็น บิกซ์ไบต์ และใสไม่มีสีเป็น โกเชนไนต์ โดยช่วงโทนสีของอควอมารีนเป็นชนิดที่มีสีฟ้าจนถึงสีฟ้าอมเขียว และสีเขียวอ่อนค่อนไปทางโทนฟ้า สีในช่วงดังกล่าวนี้ จะเรียกว่าอความารีน จะแตกต่างจากมรกตที่มีโทนสีเขียวเข้ม ชื่อเป็นคำที่มาจากภาษาละตินที่แปลว่า น้ำทะเล และมักมีนิทานหรือตำนานท้องถิ่นที่เกี่ยวกับอควอมารีนในเรื่องที่เกี่ยวกับกะลาสี และทะเล อความารีน เป็นหินสำหรับคนที่มีวันเกิดในเดือนมีนาคม  อความารีน หินมงคลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อความารีน เป็นอัญมณีที่เป็นที่นิยมมากที่สุดเป็นอันดับสองในตระกูลเบอริล หินที่มีสีฟ้าเข้มที่สุด จะเป็นที่ต้องการมากที่สุด และหินที่มีสีซีดมากจะถูกทำเป็นเครื่องประดับราคาไม่แพง อความารีน มีข้อที่แตกต่างจากมรกตในอีกทางหนึ่ง คือ ชิ้นของอควอมารีนโดยปกติ จะมีสิ่งเจือปนและรอยร้าวน้อยกว่ามรกต ดังนั้นส่วนใหญ่ของอความารีนที่เห็นในร้านขายเครื่องประดับตามห้างสรรพสินค้า มักจะดูสะอาด เนื้อใสและไม่มีรอยแตกหรือรอยร้าวที่เห็นได้ง่าย  อความารีน หินเปลี่ยนสีได้ สีของอความารีน สามารถถูกปรับปรุงคุณภาพได้โดยการให้ความร้อน หินส่วนใหญ่ที่เข้าสู่ตลาดได้รับการปรับปรุงคุณภาพมาเรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่ของอความารีน ที่มีสีฟ้าเขียวในท้องตลาดมักได้รับการปรับปรุงคุณภาพมาจากชิ้นในธรรมชาติที่มีสีเขียวอมฟ้า หรือแม้กระทั่งใช้แบริลสีเหลืองก็ตาม อความารีน ช่วยกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกของการอนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยจิตใจที่นึกถึงโลกเป็นหลัก มันเปล่งพลังงานที่อ่อนโยนและมีเมตตาส่งเสริมการผ่อนผันและความรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง เป็นแรงบันดาลใจให้มีความอดทนมากขึ้นและช่วยให้ผู้คนที่รู้สึกท้อแท้ในการทำงานมีความรับผิดชอบในสิ่งที่ได้รับมอบหมาย […]

อานุภาพของ HAMSA หรือพระหัตถ์แห่งพระเจ้า 

อานุภาพของ HAMSA หรือพระหัตถ์แห่งพระเจ้า 

HAMSA เป็นสัญลักษณ์โบราณที่น่าสนใจซึ่งเรามักพบในเครื่องประดับ, เสื้อผ้า และงานศิลปะ เรามาดูความหมายของสัญลักษณ์ลึกลับนี้ในศาสนาพุทธและฮินดู รวมถึงวัฒนธรรมยิวและมุสลิมกัน HAMSA เป็นสัญลักษณ์โบราณของภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีความหมายหลากหลายในวัฒนธรรมต่างๆ อย่างไรก็ตามทุกๆ ศาสนาถือว่า HAMSA เป็นเครื่องรางที่นำความโชคดี, สุขภาพ และความสุขมาให้ HAMSA ช่วยปกป้องเจ้าของจากดวงตาปิศาจ ความเชื่อเมื่อแรกเริ่ม HAMSA ถูกใช้เพื่อปกป้องเจ้าของจาก ‘Ayin Ha’ra’ หรือที่เรียกว่า ‘The Evil Eye’ (ดวงตาปิศาจ) เป็นหลัก HAMSA จะปัดเป่าพลังด้านลบที่อาจเกิดขึ้นจากการเพ่งมองของคนที่มีความอิจฉาริษยาและผู้ที่มีเจตนาร้าย การใช้ HAMSA เป็นเครื่องรางที่พบว่าเก่าแก่ที่สุดสามารถสืบย้อนไปถึงสมัย Mesopotamia โบราณหรืออิรักในปัจจุบัน ซึ่งผู้คนสวมใส่ HAMSA เป็นเครื่องรางเพื่อป้องกันสายตาที่ชั่วร้าย ในความเชื่อของชาวยิว HAMSA ถือเป็นตัวแทนของพระหัตถ์ของพระเจ้าและเป็นที่รู้จักในนาม “หัตถ์ของ Miriam ” โดยที่ Miriam เป็นน้องสาวที่มีคุณธรรมสูงของ Moses ซึ่งเป็นผู้นำชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์ และ Aron ผู้ที่ต่อมากลายเป็นมหาปุโรหิตคนแรก ชีวิตอันมีเกียรติของ Miriam ทำให้เธอกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการปกป้องและความโชคดี HAMSA […]

อานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถาชินบัญชร

อานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถาชินบัญชร

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) คือหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่เป็นที่เคารพบูชาอย่างสูงของคนไทยทั่วไป ทั้งในด้านของพุทธจริยาวัตรและอภิญญา สิ่งหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวท่าน คือพระคาถาชินบัญชร อันเป็นคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยเรารู้จักกันดี และมีผู้คนจำนวนมากที่สวดพระคาถาชินบัญชรของสมเด็จท่านเป็นประจำและสม่ำเสมอ พระคาถาชินบัญชรคือคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ฯ ทรงค้นพบ พระคาถาชินบัญชรนี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดมาจากประเทศศรีลังกา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ฯ ค้นพบพระคาถาชินบัญชรในคัมภีร์โบราณและได้ดัดแปลงแต่งเติมให้ศักดิ์สิทธิ์เป็นเอกลักษณ์ของท่านเอง คนไทยมีความเชื่อและศรัทธาว่าผู้ใดสวดภาวนาพระคาถาชินบัญชรนี้เป็นประจำสม่ำเสมอจะมีอานุภาพทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง, ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย, มีเมตตามหานิยมและขจัดภัยตลอดจนคุณไสยต่างๆ มิให้มาทำร้ายได้ พระคาถาชินบัญชรคือการอาราธนาพระพุทธเจ้า 28 พระองค์และพระอรหันตสาวก 80 องค์ สำหรับความหมายของพระคาถาชินบัญชรนั้น กล่าวโดยสังเขปคือ เป็นการกล่าวนมัสการสมเด็จพระพุทธเจ้าผู้ทรงมีอริยสัจทั้ง 4 ประการ เป็นผู้นำบรรดาสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากกิเลสและกองทุกข์ ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญพระพุทธเจ้าจอมมุนีทั้ง 28 พระองค์มาประทับทั่วเรือนร่าง โดยพระพุทธเจ้ามาประทับเหนือศีรษะ พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสองและพระอริยสงฆ์อยู่ที่หน้าอก พระอนุรุทอยู่ที่ใจ, พระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา, พระโมคคัลลานะอยู่เบื้องซ้ายและพระโกณฑัญญะอยู่เบื้องหลัง พระอานนท์กับพระราหุลอยู่ที่หูขวา, พระมหากัสสปะและพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย พระโสภิตะอยู่ทุกเส้นขนตลอดทั้งร่าง, พระเถระกุมารกัสสปะอยู่ที่ปาก, พระปุณณะ, พระอังคุลีมาล, พระอุบาลี, พระนันทะ, พระสีวลี ปรากฏจุลเจิมอยู่ที่หน้าผาก ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่  พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้า, พระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา, พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย, พระธชัคคสูตรอยู่เบื้องหลัง, พระขันธปริตร, พระโมรปริตร, พระอาฏานาฏิยสูตร […]

เจาะลึกตำนาน โรงแรมพิศวง ณ แคลิฟอเนียร์ Hotel Cecil

เจาะลึกตำนาน โรงแรมพิศวง ณ แคลิฟอเนียร์ Hotel Cecil

     Hotel Cecil เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ที่แคลิฟอเนียร์ เมืองลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา และคุณเชื่อหรือไม่ว่าตลอดเวลาหลายปี โรมแรมแห่งนี้มักจะเกิดเรื่องพิศวงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคดีฆาตกรรม การฆ่าตัวตาย และเรื่องประหลาดต่างๆโดยในวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับคดีต่างๆที่เกิดขึ้นในโรงแรม Hotel Cecil  กัน เหตุการณ์ประหลาดต่างๆที่เกิดขึ้นในโรงแรม Hotel Cecil    Hotel Cecil โรงแรมชื่อดังเรื่องพิศวงต่างๆมากมายโดยคดีแรกที่เกิดขึ้นในโรงแรมแห่งนี้คือปี 1931  1931 แขกที่เข้าพักในโรงแรมได้ฆ่าตัวตายในห้องพัก 1934 แขกที่เข้าพักในโรงแรมได้ฆ่าตัวตายในห้องพัก 1937 แขกที่เข้าพักในโรงแรมได้ฆ่าตัวตายในห้องพัก  ประมาณปี 1938 ชายคนหนึ่งถูกรถบรรทุกพุ่งชนจนร่างถูกรถขยี้เข้ากับกำแพงของโรงแรม      Hotel Cecil อย่างน่าสยดสยอง 1940 แขกที่เข้าพักในโรงแรมได้ฆ่าตัวตายในห้องพัก 1944 ผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้เข้าพักในโรงแรมและได้ลงมือสังหารลูกแท้ๆของตัวเองในวัยแรกเกิดภายในห้องพัก 1962 สองสามีภรรยาได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้ โดยผู้เป็นภรรยาได้กระโดดออกจากหน้าต่างของห้องพักที่อยู่ชั้น9 ในขณะที่สามีของเธอกำลังหลับอยู่  ทำให้ร่างของเธอร่วงลงมากระแทกกับทางเข้าของโรงแรมเข้าอย่างจัง  1964 แขกรายหนึ่งของโรงแรมถูกฆาตกรปริศนาฆ่าอย่างไร้ความปราณี ซึ่งในปัจจุบันยังไม่สามารถหาตัวฆาตกรได้ 1980 Richard Ramirez หรือที่รู้จักกันในชื่อ ฆาตกรต่อเนื่อง Night stalker ได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้ 1990 Jack unterwege […]

เจาะลึกตำนาน วิญญาณร่างยักษ์ของสาวจอมหัวเราะ เคเระเคเระ อนนา  ( Kerekere Onna )

เจาะลึกตำนาน วิญญาณร่างยักษ์ของสาวจอมหัวเราะ เคเระเคเระ อนนา ( Kerekere Onna )

     เคเระเคเระ อนนา   เป็นตำนานของวิญญาณของสาววัยกลางคน คนหนึ่ง ที่ตอนยังมีชีวิตมักจะสร้างเสียงหัวเราะ และเล่นมุกตลกให้ทุกคนที่เดินผ่านเธอฟัง และใครก็ตามที่ได้ฟังมุกตลกของเธอ จะต้องหัวเราะตามทุกคน  แต่เมื่อวันหนึ่งเธอได้จากโลกนี้ไป ด้วยโรคร้าย วิญญาณของเธอได้กลับมาในฐานะวิญญาณ และกลับมาสร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนเช่นเคย แต่กลับกันก็คือ การกลับมาเล่นมุกคราวนี้ …….ไม่มีใครหัวเราะได้ลงสักคน เรื่องเล่าของ หญิงสาววัยกลางคน เจ้าของมุกตลกและเสียงหัวเราะสยองขวัญ เคเระเคเระ อนนา ( Kerekere Onna )       ตำนานของ เคเระเคเระ อนนา   หรือสาวหัวเราะ ได้เล่าไว้ว่า       ในประเทศญี่ปุ่น ยุคสมัยเอโดะโบราณ มีหญิงสาววัยกลางคนผู้หนึ่ง ที่เป็นสาวหน้าตาสวยงาม ผมยาวดำสละสลวย ในทุกๆวัน เธอมักจะออกไปที่ใจกลางชุมชน และมักสร้างเสียงหัวเราะให้กับเหล่าผู้คนที่เดินผ่านย่านแห่งนั้นอยู่เป็นประจำทุกวัน โดยมักเล่นมุกตลกและหัวเราะ  อยู่บริเวณนั้นจนเป็นกิจวัตร และมุกตลกของเธอที่เล่นออกมา จะไม่ซ้ำกันเลยสักวัน และผู้คนในละแวกนั้น ก็มักจะชื่นชอบในมุกตลกของเธอและเปรียบเสมือนว่าเธอเป็นดั่งสีสันของย่านนั้น      แต่เมื่ออยู่มาวันหนึ่ง เธอก็ต้องรับมือกับโรคประจำตัวที่เธอเป็นอยู่ จนกระทั่งเธอก็ไม่สามารถรับมือกับโรคประจำตัวได้ และตายไปในที่สุด แต่แม้กระทั่งตอนที่เธอได้ตายลงไปนั้น เธอก็ยังคงตายด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ      อยู่มาวันหนึ่ง ได้มีชายคนหนึ่งเดินผ่านในละแวกที่เคยมี สาวหัวเราะออกมาสร้างสีสัน ในช่วงกลางดึก […]

เจาะลึกตำนาน ภูติจอมตัดตาข่ายลูกผสมยามราตรี อามิคิริ ( Amikiri )

เจาะลึกตำนาน ภูติจอมตัดตาข่ายลูกผสมยามราตรี อามิคิริ ( Amikiri )

     อามิคิริ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ภูติจอมตัดตาข่าย เป็นภูติลูกผสมระหว่าง กุ้งและงู โดยส่วนบนของมันจะมีลักษณะคล้ายกับกุ้ง และส่วนลำตัวและหางจะมีลักษณะยาวคล้ายงู โดย อามิคิริ ถือได้ว่าเป็นโยไคที่ชอบสร้างความวุ่นวายและความรำคาญให้กับเหล่าชาวบ้านอยู่ไม่น้อย ซึ่งวีรกรรมของ อามิคิริ ก็คือชอบตัดตาข่ายของเหล่า รวมถึงแหจับปลา รวมถึงเสื้อผ้าของชาวบ้าน จึงเป็นที่มาของชื่อ อามิคิริ จอมตัดตาข่าย วีรกรรมสุดแสบของ อามิคิริ ภูติจอมตัดตาข่าย      อามิคิริ เป็นภูติที่ชอบก่อวีรกรรมที่สร้างความรำคาญให้แก่ชาวบ้านมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การตัดตาข่ายที่ชาวบ้านจะผูกไว้สำหรับดักยุง ซึ่งในสมัยก่อนนั้น ยุง ก็เป็นสิ่งอันตรายพอๆกับสัตว์ร้ายอื่นๆ และเพราะสมัยก่อนนั้น ยังไม่มียากันยุง หรือ ยากันยุงเหมือนสมัยนี้ ตาข่ายดักยุง จึงเป็นไอเท็มสำคัญที่จะปกป้องเลือดของมนุษย์                  จากเหล่ายุง แต่ก็มีเจ้า อามิคิริ นี่แหละที่คอยตัดตาข่ายจนขาดเป็นรู ทำให้ชาวบ้านเกลียดเจ้าโยไคตัวนี้เข้าไส้กันเลยทีเดียว      นอกจากเจ้า อามิคิริ จะชอบตัดตาข่ายดักยุงที่ชาวบ้านผูกไว้แล้ว มันยังสร้างความวุ่นวายแก่เหล่าบรรดาชาวประมงอีกด้วย เพราะมันเป็นภูติที่มีรูปร่างคล้ายกุ้ง มันจึงสามารถอยู่ในน้ำได้ และทุกครั้งที่มันเห็นชาวประมง ออกเรือไปหาปลา […]

เจาะลึกตำนาน ผีโคมไฟผู้นำทางยามราตรี โอคุริ โชชิน ( okuri chochin )

เจาะลึกตำนาน ผีโคมไฟผู้นำทางยามราตรี โอคุริ โชชิน ( okuri chochin )

     โอคุริ โชชิน หรือตำนานที่รู้จักกันในชื่อ ผีโคมไฟผู้นำทาง เป็นตำนานที่เป็น1ใน7เรื่องพิลึกของเอโดะ ฮอนโจ ในกรุงโตเกียว โดย โอคุริ โชชิน เป็นวิญญาณที่เชื่อว่าจะปรากฏตัวออกมาเพื่อคอยนำทางให้แก่ผู้ที่ต้องเดินทางในที่เปลี่ยวหรือที่ที่ไม่มีแสงสว่างในยามค่ำคืน โดยจะปรากฏตัวออกมาในลักษณะที่คล้ายกับมนุษย์ถือโคมไฟ และจะอาสาพาเดินไปส่งจนถึงที่หมาย  เรื่องเล่าเกี่ยวกับการปรากฏตัวของผีโคมไฟผู้คอยนำทาง โอคุริ โชชิน      ในคืนหนึ่ง ได้มีซามูไรที่มาพร้อมกับผู้ติดตาม1คน ซึ่งกลับมาจากการสังสรรค์ที่โยชิวาระ อาคากูสะ โดยซามูไรและผู้ติดตามทั้ง2คนนี้ ได้เดินเตร็ดเตร่เมาไปทั่วถนน ซึ่งระหว่างทางกลับนั้นจะต้องผ่านวัดโฮองจิ ผู้ติดตามของซามูไรนายนี้ซึ่งเคยได้ยินเรื่องราวน่ากลัวของถนนเส้นนี้ก็เกิดอาการสั่นกลัวผสมกับเป็นคนที่มีความขี้ขลาดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงพยายามคัดค้านไม่ให้ผู้เป็นนายเดินผ่านเส้นทางนี้      แต่เนื่องจากอาการเมาและจิตวิญญาณของซามูไรจึงทำให้เขาไม่มีอาการกลัวแต่อย่างใด จึงได้เดินเท้าไปข้างหน้าต่อไปและได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ในมือถือโคมไฟอยู่ และที่แปลกก็คือเธอเดินอยู่เพียงลำพังในถนนสายเปลี่ยวยามกลางคืนแบบนี้      ซามูไรได้เดินเข้าไปไถ่ถามว่าเธอมาจากที่ไหนและจะไปที่ไหนต่อ และเมื่อบทสนทนาของทั้งคู่จบลงแล้ว หญิงสาวก็อาสาที่จะนำทางไปส่งซามูไรและผู้ติดตามเพราะเห็นว่าทั้งคู่นั้นไม่ได้พกโคมไฟมาในการเดินทาง จนกระทั่งได้เดินมาถึงที่หมายปลายทายของซามูไรและผู้ติดตาม ทั้งสองฝ่ายจึงกล่าวคำขอบคุณและคำอำลา ขอตัวกลับบ้าน แต่เมื่อซามูไรจะหันหลังกลับไปมองที่เธอเพื่อเป็นการส่งท้ายและแน่ใจว่าเธอได้กลับไปแล้วจริงๆก็กลับพบว่า ตลอดทางนั้นเต็มไปด้วยความมืดมิด ไม่มีแม้กระแท้แสงไฟจากโคมไฟ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากเพราะพึ่งจะละสายตาจากเธอได้ไม่ถึงนาที      ผู้ติดตามจึงโพล่งปากขึ้นมาว่า นั่นอาจจะเป็นโอคุริ โชชินหรือผีโคมไฟผู้นำทาง โดยจะปรากฏตัวต่อผู้ที่ไม่มีโคมไฟ มันจะคอยนำทางให้จนถึงที่หมาย โดยจะไม่ทำอันตรายใดๆแก่มนุษย์แต่เป็นวิญญาณที่คอยช่วยเหลือมนุษย์เมื่อต้องเดินทางในถนนที่ไร้ซึ่งแสงไฟ  โอคุริ โชชิน  #โอคุริ โชชิน #เรื่องผี #เรื่องลี้ลับ